Wednesday, April 04, 2007

เกณฑ์ทหาร

เมื่อวานซืน ผมตื่นแต่เช้าตรู่ เดินทางไปยังโรงเรียนวัดตลิ่งชัน เพื่อเข้ารับการเกณฑ์ทหาร

ผมไม่ได้เรียน ร.ด. เพราะตอน ม.ปลาย ไปเรียนที่สิงคโปร์ ส่วนตอนเรียนมหาลัยก็ไม่อยากเสียเวลาเรียน ร.ด. ทุกอาทิตย์

ผลก็คือ ผมต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร

ที่ผ่านมา ช่วงที่เรียนมหาลัย ผมก็ผ่อนผันมาเรื่อยๆ จนปีนี้เรียนจบแล้ว หมดสิทธิ์ผ่อนผัน เลยเข้ารับการตรวจเลือก

.........

ผมไปถึงที่โรงเรียนวัดตลิ่งชันตอนเจ็ดโมงเช้าตามเวลาที่ระบุในหมายเรียก

คนเยอะมากๆ เลยครับ (ผมรู้ที่หลังว่ามีคนมาเข้ารับการเกณฑ์ทหารที่เขตนี้ถึง 1,044 คน) แต่ละคนก็มีพ่อแม่พี่น้องยกขบวนกันมาให้กำลังใจกัน ทำให้บรรยากาศคึกคักมาก

หลังจากเหล่าทหารกองเกินเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเจ็ดโมงเสร็จ นายทหารผู้รับผิดชอบการตรวจเลือกก็ชี้แจงขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ให้ฟัง พร้อมทั้งย้ำว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด เพราะปีที่แล้วกว่าการเกณฑ์ทหารจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่า ปีนี้หวังว่าจะเร็วขึ้น (ฟังแล้วท้อเลยครับ)

สรุปง่ายๆ คือ ทหารกองเกินทุกคนต้องรายงานตัวเพื่อตรวจสุขภาพ วัดรอบอก และวัดส่วนสูง โดยทางเจ้าหน้าที่จะเรียกมารายงานตัวทีละแขวง

ขั้นตอนเป็นไปอย่างเชี่องช้า... ผมนั่งรอๆๆ จนประมาณสิบโมงก็ถึงคราวของแขวงของผม

รายงานตัว... แสดงเอกสารให้เจ้าหน้าที่... เข้าไปให้แพทย์ทหารตรวจสุขภาพ (จริงๆคือเรายื่นแขนตรง สบตาหมอ ให้หมอฟังหัวใจประมาณสามวินาที) แล้วก็วัดส่วนสูง วัดรอบอก...

ผมเสร็จสิ้นกระบวนการนี้ตอนสิบเอ็ดโมงตรง เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รออยู่ในบริเวณโรงเรียน ต้องรอให้ทหารทกองเกินทุกคนจากทุกแขวงผ่านกระบวนการข้างต้นให้หมดก่อน แล้วจะเรียกมารวมกัน...

ผมคาดคะเนเอาว่า ทุกคนน่าจะรายงานตัวและตรวจวัดต่างๆ เสร็จตอน 4-5 โมงเย็น...

ผมก็หาอะไรกินแถวนั้น มีแม่ค้ารถเข็นมาขายอาหารและเครื่องดื่มมากมาย (วันนั้นขายดีมากๆ)...

.........

นั่งรอ ยืนรอ เดินรอ งีบหลับรอ...

อยากบอกว่าตอนรอนี่ไม่ใช่สบายนะครับ อากาศก็ร้อน เก้าอี้ภายในเต๊นท์ก็มีเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนคน ทำให้แต่ละคนต้องหาที่นั่งของตนเอาเอง ตามฟุตบาท ตามขอบรั้ว ตามม้านั่ง และตามพื้นลานสนามบาสที่พอจะมีเงาต้นไม้กันแดดกันร้อน...

สามโมงก็แล้ว สี่โมงก็แล้ว ห้าโมงก็แล้ว หกโมงก็แล้ว... ยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ...

ไปกินข้าวเย็นที่แม่ค้าเจ้าเดิมในซอยข้างๆ โรงเรียน (แต่กับข้าวเปลี่ยนไปแล้วนะ)

ระหว่างกินอยู่ดีๆ ปรากฎว่ามีคนวิ่งตื่นตระหนกออกมาจากท้ายซอย มองไปก็เห็นวัยรุ่น 3-4 คนกำลังรุบอัดวัยรุ่นอีกคนนึงอยู่

ผมกับพ่อรีบลุกออกจากโต๊ะออกมาที่ปากซอย เพราะวัยรุ่นตีกันนี่น่ากลัว เกิดพวกนั้นมีมีดมีปืน แล้วเราดวงซวยอาจโดนลูกหลงเอาได้ง่ายๆ

ระหว่างนั้น มีวัยรุ่นอีก 2-3 คนวิ่งเข้ามาสมทบ ผมเห็นคนนึงคว้าขวดน้ำปลาจากร้านอาหารเตรียมเอาไปเป็นอาวุธ...

ดีว่าเรื่องไม่ได้บานปลาย ทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้...

ผมกับพ่อกลับไปกินข้าวต่อ คุยกับแม่ค้าได้ความว่า มีตีกันทุกปี ปีก่อนมีมีดมีดาบด้วย... ฟังแล้วรู้สึกท้อแท้กับสังคมไทยจริงๆ

ทุ่มนึงผ่านไป สองทุ่ม สามทุ่ม สี่ทุ่ม... ยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ...

ผมและคนอีกมากมายก็ได้แต่นั่งรอยืนรอต่อไปโดยปริยาย...

.........


เกือบเที่ยงคืน...

ทหารกองเกินทุกคนผ่านขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่เลยเรียกทุกคนไปนั่งรวมกันที่ลานสนามบาส...

แล้วก็ปล่อยให้เรารอไปอีก โดยบอกว่ากำลังอยู่ระหว่างทำบัญชีอยู่...

เกือบตีหนึ่ง...

นายทหารก็ออกมาประกาศว่า สรุปแล้ว วันนี้มีผู้มาเข้ารับการเกณฑ์ทหาร 1,044 คน มีต้องการเป็นทหารโดยสมัครใจ 100 กว่าคน ซึ่งมากกว่าจำนวนที่เขตนี้รับคือ 70 คน...

ทุกคนปรบมือเฮ... เพราะนั่นแปลว่า 1,044 คนผ่านการเกณฑ์ทหารไปโดยอัตโนมัติ...

กว่าจะรอรับใบ ส.ด.43 เสร็จก็ปาเข้าไปตีหนึ่ง... กลับถึงบ้านเกือบตีสอง... รุ่งขึ้นตื่นเช้าไปทำงาน...

.........

ถามว่าผมได้ประสบการณ์อะไรบ้างจากการเกณฑ์ทหารครั้งนี้

เรื่องแรกเลย ได้เห็นและเข้าใจกระบวนการเกณฑ์ทหาร เข้าใจว่ากระบวนการ "กิน" ของทหารเป็นยังไง เข้าใจว่าทำไมเรื่องเกณฑ์ทหารถึงเป็นแหล่งรายได้สำคัญแหล่งหนึ่งของเหล่าทหาร...

อีกเรื่องคือ ได้เห็นความเชื่องช้าไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการเกณฑ์ทหาร... ดูเหมือนว่าทหารจะไม่ได้สนใจทหารกองเกินที่มาเกณฑ์ทหารและญาติๆเลย... ไม่สนใจที่จะพัฒนาระบบบริหารจัดการการเกณฑ์ทหารเลย ทั้งๆที่ทำมาทุกปีเป็นงาน routine แท้ๆ...

มาเกณฑ์ทหารแล้ว ผมคิดอยากศึกษาวิจัยเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยใช้กรอบเศรษฐศาสตร์การเมือง/สถาบัน ดูว่าทำไมและเพราะอะไรกันแน่ ระบบการเกณฑ์ทหารมันถึงเป็นอยู่อย่างที่มันเป็น แล้วที่มันเป็นนี่มัน optimal หรือเปล่าสำหรับประเทศไทย... ใครคือคนที่ได้ประโยชน์จากระบบ และมันจะมีวิธีใดไหมที่จะทำให้ระบบมันดีและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้...

เห็นการเกณฑ์ทหารแล้ว ผมอดห่วงอนาคตประเทศชาติไม่ได้...

อยากจะตะโกนดังๆออกไปว่า ถ้างานง่ายๆแค่นี้ยังบริหารจัดการไม่ได้ ก็อย่าไปยุ่งเรื่องบริหารจัดการประเทศเหมือนทุกวันนี้เลยเถอะคร้าบ... คุณทหาร...

2 comments:

Anonymous said...

เห็นด้วยครับ พวกทหาร เหี้ยจริงๆ

Anonymous said...

ที่พูดมาทั้งหมดนั่น สถานการณ์เหมือน ที่ผมไปคัดเลือกเดะๆเลย รอๆๆๆๆ แล้วก็รอ กินๆๆๆ แล้วก็กิน แต่ผมอยู่ต่างจังหวัด