Tuesday, January 31, 2006

Book Review - "ชีวิตภาคทฤษฎี"

หลังจากหายหน้าหายตาไปนานมากๆ ผมขอกลับมารายงานตัวอีกครั้งด้วยงาน book review ชิ้นแรกในชีวิต (จริงๆแล้วงานนี้เขียนเพื่อลงในหนังสือรุ่น BE 10)

กลับมาครั้งนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกันครับว่าจะเขียนบล็อกอย่างต่อเนื่องหรือเปล่า เพราะห่างเหินไปนาน พอกลับมาเขียนรู้สึกว่ามันจะไม่ 'flow' เหมือนแต่ก่อน แถมช่วงนี้ต้องให้เวลากับตัวเองเพื่อคิดถึงอนาคตข้างหน้าว่าเรียนจบแล้วจะก้าวเดินไปในเส้นทางใดต่อไป

หวังว่าจะไม่สายเกินไปหากจะขอกล่าวว่า สวัสดีปีใหม่ทั้งแบบไทยและจีนนะครับ

........................

Book Review - "ชีวิตภาคทฤษฎี" (โดย วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล)

ทุกวันนี้ หากคุณต้องการหางานเขียนแนววิพากษ์สังคมที่ดีๆอ่าน ก็คงจะหาอ่านได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะมีนักคิดนักเขียนเก่งๆหลายท่านที่ผลิตงานทำนองนี้ออกมาอยู่เป็นประจำ

แต่ถ้าจะหานักคิดนักเขียนรุ่นใหม่สักคนที่อายุเพิ่งจะขึ้นเลขสองได้ไม่นานแต่มีความคิดความอ่านเกินวัย สามารถวิพากษ์สังคมรอบตัวได้อย่างเข้มข้นและเร้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าจะหายากเสียเหลือเกิน

“สิงห์” วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ลูกชายคนที่สองของอาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล และจิระนันท์ พิตรปรีชา คือหนึ่งในกลุ่มนักคิดนักเขียนรุ่นใหม่ที่หาได้ยากกลุ่มนั้น

“ชีวิตภาคทฤษฎี” หรือ “Theory of Life” คือหนังสือรวมเล่มบทความเล่มแรกของสิงห์ ผมเองเป็นรุ่นพี่ร่วมคณะที่มิได้สนิทสนมกับสิงห์มากมายอะไร แต่ผมกลับได้ทำความรู้จักกับตัวตนของเขาผ่านงานเขียนในหนังสือเล่มนี้

งานเขียนของสิงห์น่าสนใจและมีพลังดึงดูดคนอ่านอยู่มากพอตัว เพราะงานของเขามีพื้นฐานมาจากการสังเกต การตั้งคำถาม และการค้นหาคำตอบต่างๆนานาของปริศนาที่สลับซับซ้อนที่เรียกว่า “ชีวิต”

“...ว่างๆ ผมก็ไปเดินที่สยามฯ ผมเฝ้ามอง... นานๆครั้งผมก็เจอสิ่งที่ผมสงสัย ไม่เข้าใจ หรือไม่เห็นด้วย
ผมจึงตั้งคำถาม... ว่างๆ ผมก็เขียนหนังสือเกี่ยวกับคำถามเหล่านั้น...”

สิงห์เขียนหนังสือด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา คิดอย่างไรก็เขียนออกมาอย่างนั้น อ่านแล้วจึงรู้สึกสนุก เป็นกันเอง และไม่เบื่อ เขาถ่ายทอดความคิดผ่านตัวหนังสือได้ “เนียน” และ “กลมกล่อม” อีกทั้งสไตล์การเขียนของเขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

ที่สำคัญ สไตล์การเขียนที่เป็นตัวของตัวเองนี้มาพร้อมกับ “เนื้อหา” ของงานที่โดดเด่น เข้มข้น กระตุกต่อมความคิด และกระชากความรู้สึกของคนอ่านได้เสมอ

เขามักจะตั้งคำถามง่ายๆแต่น่าสนใจ เช่น ทำไมคนเราต้องมีเงิน? ทำไม “โฆษณา” จึงเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด? สิทธิเสรีภาพคืออะไรและเอาไว้ใช้ทำอะไร? เด็กแนวคืออะไรและมาจากไหน? ฯลฯ

เขามักนำเหตุการณ์จริงที่ได้พบเจอมาในชีวิตมาขบคิดถึง “เหตุและผล” ของเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างลึกซึ้งถึงแก่น แล้วถ่ายทอดออกมาผ่านงานเขียนได้อย่างน่าประทับใจและให้ข้อคิดที่ดีแก่ผู้อ่าน

เขาวิพากษ์วัฒนธรรมบริโภคนิยมในระบบทุนนิยมได้อย่างสนุกเข้มข้น โดยมีตัวอย่างจากชีวิตจริงของเขาประกอบเสมอ อ่านงานของเขาแล้วรู้สึกว่า เขามีประสบการณ์เผชิญกับโลกมามากกว่าเด็ก (ในเมือง) ส่วนใหญ่ในวัยเดียวกันยิ่งนัก และคงไม่เป็นการเกินเลยไปหากจะกล่าวว่า เขามีประสบการณ์ผ่านโลกมามากกว่ารุ่นพี่อย่างผมเสียอีก

อ่านหนังสือของเขาจบแล้ว ผมอาจไม่เห็นด้วยกับบางสิ่งที่เขาเขียน แต่ผมรู้สึกหัวใจพองโตยิ่งนัก พองโตเพราะงานเขียนของเขาได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าของเขาที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้เกิดขึ้นแก่สังคมนี้ สังคมที่นับวันผู้คนยิ่งเห็นแก่ตัวและนับถือวัตถุมากกว่าคุณธรรมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งเมื่อได้อ่านบันทึกประสบการณ์การเป็นผู้นำค่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่พังงาของสิงห์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผมเชื่อมั่นว่า งานเขียนของเขามีพลังมากเกินพอที่จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่คนอื่นๆในสังคมไทย และกระตุ้นจิตสำนึกทางสังคมของคนรุ่นใหม่เหล่านี้ ให้พวกเขารู้จักคิดถึงผู้อื่นและคิดที่จะทำอะไรดีๆเพื่อตอบแทนสังคมที่ตัวเองเติบโตขึ้นมามากขึ้น ไม่ใช่เอาแต่หมกวุ่นคิดถึงแต่เรื่องหาความสุขให้ตัวเองเพียงฝ่ายเดียว

เหมือนที่สิงห์ได้เขียนไว้ใน “ชีวิตภาคทฤษฎี” ตอนบันทึกจากพังงา (ฉบับสุดท้าย) ว่า

“...ทุกๆคนมีคุณค่า คุณค่าที่ได้มาจาการ “กรำ” งานร่วมกับเพื่อนฝูง มีคุณค่ากับสังคม มีคุณค่ากับคนรอบข้าง และที่สำคัญที่สุด ตระหนักได้ถึงคุณค่าของตัวเอง ตระหนักได้ว่าเราไม่ได้เกิดมาเป็นเพียงแค่ตัวหมากที่ต้องเดินไปตามเกมที่สังคมวางไว้ เกิดมาเพียงแค่เพื่อเรียนหนังสือ กินข้าว โตมาไปทำงาน แต่งงาน มีลูก และท้ายสุดก็ตายจากไปพร้อมกับทุกๆสิ่งที่ไขว่คว้าหามาได้ในระหว่างที่มีชีวิต...

...จริงๆแล้ว สิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นภายในระยะเวลาสิบวัน (ที่พังงา) นี้มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย หากแต่เป็นหนทางที่พวกเราเลือกจะเดินในชีวิตที่เหลืออยู่ต่างหากที่สำคัญที่สุด เพราะนั่นหมายถึงระยะเวลายาวนานเป็นสิบๆปีที่รออยู่ข้างหน้า...

...เราจะเลือกเป็นผู้ให้เมื่อสามารถทำได้หรือไม่ เราจะเสียสละเวลาที่ได้รับมาสำหรับกอบโกยเพื่อสิ่งอื่นได้ไหม ...”

คำตอบของสิงห์...คุณคงรู้แล้ว
แล้วคำตอบของคุณล่ะ เป็นเช่นไร?

9 comments:

Soulseeker said...

ผมได้แวะเวียนมาบลอกของคุณหลังจากที่ผมเข้าไปอ่านยีบัดไดอารี่ของคุณแทนไทมาพอดี(เรื่อง นมดำ...กรำงานทั้งสามภาค)

ผมจึงซับซับบรรยากาศนี้ได้เป็นอย่างดี บรรยากาศที่เรียกว่า "หัวใจพองโต"

ผมไม่มีข้อสงสัยในตัววรรณสิงห์และตัวคุณแทนไทและตัวคุณ(ผมเห็นรูปคุณในค่าย)เลยแม้แต่ข้อเดียวใน"เจตนา"ที่ดีงาม ผมเห็นด้วยเป็นที่สุด

เพราะงานเช่นค่ายแบบนี้แหล่ะ ที่จะเหมือนสายฟ้าฟาดเปรี้ยงทลายชุดความคิด จริต ความเชื่อคุณจนป่นปี้ ให้คุณได้เห็นความจริงของสังคมไทย ยุคสยามพารากอน

เคยมีคุณกล่าวไว้ว่าไว้หนุ่มสาวเป็นวัยที่เหมาะสมที่จะฝันให้ไกลใคร่ครวญ"ชีวิต"ให้หนักหน่วงที่สุด แล้วเดินตามความฝันนั้นไป

เพราะหากไม่เป็นวัยหนุ่มสาวอย่างพวกเราแล้วจะเป็นวัยไหนหล่ะ

และประกอบกับคำที่เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้กล้าวไว้ว่า เสรีภาพมิใช่แต่เพียงอิสระในการทำตามความอยากของตน แต่เป็นอิสระที่จะต่อสู้ไปในสิ่งที่คุณเชื่ออย่างเด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อ

จงฝันให้หนักหน่วงที่สุดโดยมิใช่ในความหมายนำหนักแห่งการกดทับ ไม่ใช่ภาระอันทุกข์เข็ญ(ภาวการณ์อันทนอยู่ได้อย่างยิ่ง)

แต่เป็นบุกร้างถางป่าดงดิบแห่งความกลวง แห่งความบัดซบหลอกลวง เป็นสัญญะอเวจีบนโลกที่ผู้ใหญ่ชนิดเลว(ไม่ว่าชาติไหน สังคมไหน)ได้สร้างไว้ให้เป็นรัดสีดวงของโลกใบนี้ เพื่อกรุยทางให้ผู้เดินตามหลังมีโอกาสอยู่กับสิ่งที่ดีกว่า

คุณเองมิใช่หรือที่บอกว่าโลกใน"อุดมคติ"นั้นคงบากที่จะทำให้เป็นจริงทันตาเห็น

แต่ถึงแม้ไม่ทันได้เห็น แต่เราก็สร้างทางอันไร้หนามแทลตีนให้อีกหลายคนเดินทางต่อ

ผมขอสนับสนุนคุณอย่างสุดหัวใจ และจงได้โปรดทำ"ฝัน"นั้นให้เป็น"จริง"

เพราะการแปรความฝันให้เป็นควมจริงนั้น มีผู้โดนคลื่นแห่งความละโมภ ความหลง ซัดหายไปหลายคนแล้ว

เพราะการเดินทางครั้งนี้อีกยาวไกลนัก

p.s.และผมเป็นหนึ่งในคนเยาว์ที่พร้อมจะลุยไปกับพวกคุณ "หนุ่มสาวแห่งยุคสมัย"

Anonymous said...

ผมassumeเอาว่าเป็นพี่เอกนะ
ขอบคุณมากครับที่ตั้งใจอ่านงานผมขนาดนี้ เพราะเหตุนี้กระมังที่นักเขียนทุกคนถึวพนานามสร้างงานที่ดีกว่าเดิมออกมา
เพราะว่ามีคนเอาความคิดของเราไปคิดต่อ

ไว้ทำechoกันครับผม (ถ้าไม่ใช่พี่เอกก็โทษที 55 หน้าแตก)

Anonymous said...

เชื่อมั๊ยค่ะว่าตาลได้มาเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร ก็ตอนที่ได้มาอ่านเรื่องของพี่สิงห์จากสเปซเค้าอ่ะค่ะ

ชอบมากกกกเลย

Anonymous said...

Αttraсtive section of contеnt. Ӏ just stumbled upon your web ѕite and іn acceѕsion capital to assert that I acquire actually enϳoyеd accοunt your blοg рosts.
Any wау Ι'll be subscribing to your augment and even I achievement you access consistently rapidly.

Here is my web blog - DiamondLinks.net

Anonymous said...

Do you mind if I quotе a few of your articles аs lоng as Ι provide сreԁit and souгcеs baсκ to уour wеbѕite?

My blоg site is in the exаct samе area of interеst аs уours and my visitors
would really bеnеfit from a lot of the infoгmatiоn
yοu present hеre. Please let me know if this ok ωith you.
Regагԁs!

mу blоg; quick payday loans

Anonymous said...

Way coоl! Sοme veгy ѵalid points!
I apρrеcіate you ωгіtіng thiѕ article and the rest
of the sitе is also really good.

Also vіsit my web page payday Loans For bad credit

Anonymous said...

Heya! I know this is ѕomewhat off-topic
but I had to ask. Dοеs building a ωell-established webѕite such as yours гequіrе a massive amount worκ?
Ι'm brand new to blogging but I do write in my diary every day. I'ԁ likе to stаrt a blog so I can
shaгe my persοnаl experienсe аnd thoughts onlinе.

Please lеt me know if you hаvе аny kind of ideаѕ or tips
fοr brand new aspiring bloggers. Thankyou!


my ѕіtе - Daniel Chavez Moran

Anonymous said...

Нello There. Ι found уour blog usіng msn.
Thіs is аn ехtremely well wгitten articlе.
I will make suге to bookmаrκ it and return to гeаԁ more of your usеful infο.
Thanκs for the рost. Ι'll definitely comeback.

Also visit my webpage; Lloyd Irvin

Anonymous said...

I have leaгn sеveral just rіght stuff heгe.
Definitely price boοkmагκing fοr
reviѕiting. I surρrіse hoω much аttempt you set to crеate one of theѕe grеat informatiνe wеbsite.


My blog post reputation manаgement **